Melody Beauty. ขับเคลื่อนโดย Blogger.

เทรนใหม่ ผู้ชายก็สคับหน้าได้นะจ๊ะ



 ก่อนอื่นต้องถามกันก่อนเลย รู้หรือไม่ว่าผลิตภัณฑ์สครับผิวหน้านั้นแบ่งออกได้ 2 ประเภทดังนี้


           1. สครับที่ผลิตจากธรรมชาติ โดยเนื้อเมล็ดของสครับนั้นจะทำจากเมล็ดของพืช เช่นWalnut Meal, Corn Meal, Coconut Meal, Apricot Meal และอื่นๆ เมล็ดสครับที่ได้จากธรรมชาตินั้นมักจะมีรูปร่าง และขนาดที่ไม่แน่นอน มีลักษณะค่อนข้างหยาบ เมล็ดสครับให้ประสิทธิภาพในการขัดที่ดี เนื่องจากความแตกต่างทางรูปทรงของเมล็ดสครับ จึงทำให้การขัดเพื่อขจัดสิ่งสกปรกสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และระคายเคืองต่อผิวน้อยที่สุดด้วย ซึ่งสครับประเภทนี้ใช้ได้ไม่เกิน 3 ครั้งต่อ 1สัปดาห์ และการขัดด้วยสครับไม่ควรจะรุนแรงจนเกินไป
           2. สครับที่ผลิตจากกระบวนการทางเคมี เช่น เม็ดพลาสติก หรือ เม็ดพลาสติกเคลือบ(Micro bead) เม็ดสครับประเภทนี้ จะมีให้เลือกตามแต่ขนาดที่ผู้ผลิตต้องการ มีตั้งแต่หยาบมากไปจนถึงละเอียดมาก ซึ่งคุณภาพของเม็ดสครับก็จะแตกต่างกันออกไปเช่นเดียวกัน บางชนิดอาจจะเป็นแค่เม็ดพลาสติกธรรมดา หรือบางประเภทอาจจะมีการเคลือบหรือชุบสารสกัดธรรมชาติ เช่น Jojoba Bead ส่วนลักษณะของเม็ดสครับ จะมีลักษณะเป็นทรงกลม และขนาดเท่ากัน โดยสครับประเภทนี้มีโอกาสทำให้เกิดการระคายต่อผิวได้มากกว่า สครับที่ผลิตจากธรรมชาติ สครับประเภทไม่ควรใช้เกิน 2ครั้งต่อ 1 สัปดาห์

ข้อควรรู้ในการสครับผิวหน้า
            ระยะเวลาที่เหมาะสม
            การสครับผิวนั้นควรมีความถี่ไม่เกินสัปดาห์ละ 2 ครั้ง หรือตามแต่ประเภทของสครับ เพราะว่าการสครับผิวหน้าจะทำการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายไปแล้วออกไป และเผยเซลล์ผิวใหม่ที่ดูสดใส มีชีวิตชีวาออกมา ดังนั้นไม่ควรทำการสครับผิวหน้าทุกวัน เพื่อเป็นเปิดโอกาสให้เซลล์ผิวได้สร้างเซลล์ผิวใหม่ ขึ้นมาทดแทนเซลล์ผิวเก่าที่ถูกขจัดออกไป
            ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการสครับ
            ควรสครับผิวหน้าในช่วงเวลา เย็น-กลางคืน เพราะหลังจากเราสครับผิวหน้าเสร็จแล้ว ร่างกายของเราจะได้มีการพักผ่อน เซลล์ผิวจะได้รับการซ่อมแซม และฟื้นตัวจากการสูญเสียน้ำมันเพราะเราสครับผิวหน้าไปนั่นเอง
            ผิวที่เป็นสิว
            ควรงดการสครับ เพราะจะทำให้ผิวหน้าระคายเคืองได้ แต่ถ้ามีผลิตภัณฑ์ที่ดี ก็ยังคงทำได้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีกรดของ Salicylic Acid ที่ไม่เข้มข้นจนเกินไป (ไม่ควรเกิน 2 เปอร์เซนต์) ซึ่งจากการวิจัยในสถาบันชั้นนำจากต่างประเทศ พบว่าสาร Salicylic Acid สามารถช่วยขจัดความมันส่วนเกิน ขจัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพได้อย่างมี ประสิทธิภาพ และมีส่วนช่วยให้การกระตุ้นกระบวนการผลิตโปรตีนคอลลาเจน รวมไปถึงช่วยการชะลอกระบวนสร้างเม็ดสีผิวได้อีกด้วย
            หลังจากใช้สครับ
            สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ควรจะมีการบำรุงผิวด้วยครีมบำรุง ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ และคอลลาเจน เพื่อให้ผิวคงความชุ่มชื้นเอาไว้ด้วย นอกจากนี้หลังจาการสครับจะทำให้เนื้อครีมบำรุงนั้น สามารถซึมซับเข้าสู่ชั้นผิวหนังได้ดียิ่งขึ้น
            หลีกเลี่ยงแดด
            ควรหลีกเลี่ยงการสครับผิวอย่างน้อย 48 ชม. หากรู้ว่าต้องไปในสถานที่ที่มีแดดจัด เพราะถ้าหากเราทำการสครับผิวแล้ว ผิวจะบาง และไวต่อสิ่งต่างๆ ที่เข้ามากระทบ ยิ่งหากไปเจอกับแดดแรงๆ จะทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง เซลผิวใหม่ที่ผลัดขึ้นมาก็จะดูไม่กระจ่างใสเพราะโดนรังสี UV เล่นงานอีกด้วย และในช่วงที่สภาพอากาศแห้ง ผิวจะเกิดการระคายเคืองได้ง่าย ควรเลือกผลิตภัณฑ์สครับผิวหน้าที่มีสูตรอ่อนโยน เม็ดบีดละเอียดไม่หยาบคม

การสครับผิวหน้าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยที่จะช่วยทำให้การผลัดเซลล์ผิวทำได้ดีขึ้น ทำให้ผิวขาวกระจ่างใสและมีสุขภาพดีขึ้น

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น